fbpx

ฝึกภาษา & สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ ยังไงให้เราทำได้อย่างมั่นใจ โดยที่ไม่ต้องกลัวอีกต่อไป

ฝึกภาษา & สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ ยังไงให้เราทำได้อย่างมั่นใจ โดยที่ไม่ต้องกลัวอีกต่อไป

แชร์บทความน่าสนใจได้ที่นี่
ใครที่กำลังจะไปสมัครงานในบริษัทที่ต้องสัมภาษณ์อิง หรือ จะไปใช้ในโอกาสต่าง ๆ วันนี้ทางเราได้ไปเจอ สมาชิกผู้ใช้พันทิพ คุณ cristy733 ได้เขียนรีวิว ฝึกภาษา & สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษยังไงให้รู้สึกว่าเราทำได้ แบบฉบับคนฟังออก ตอบไม่ได้ ซึ่งน่าสนใจมาก อยากให้ลองอ่านกันดูนะคะ
พาร์ท 1 การฝึกภาษาตามเซนส์ของจขกท.

พื้นหลังของจขกท.เป็นคนที่ชอบภาษาอังกฤษมาแต่เด็ก เรียนโรงเรียนคริสต์ที่เน้นสอนภาษาตอนม.1-ม.3 หลังจากจบม.3 ต่อม.4 ภาษาอังกฤษก็ห่างไกลเรามาเรื่อยๆ แต่ด้วยความชอบเราเลยไม่เคยปล่อยให้ภาษาอังกฤษหายไปจากเรา หาอะไรมาเติมใส่ตัวเรื่อยๆ พยายามดูเน็ตฟลิก ฝึกทำข้อสอบโทอิค เข้าคอร์สเรียนภาษาบ้าง แต่นั่นไม่ได้ทำให้ทักษะการพูดและฟังของเราดีขึ้น เรารู้นะว่าเค้าพูดอะไร แต่ปากมันพูดไม่ออก บางครั้งมีปัญหาเรื่องสำเนียง บางครั้งฟังออก ตอบได้ แต่อธิบายยาวๆไม่ได้

ทุกครั้งที่ไปสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ ไม่รู้เป็นอะไร ต้องอ้ำๆอึ้งๆ คำถามง่ายๆ แต่ก็ช็อค พูดไม่ออก ไม่รู้ทำไม???

ทีนี้ในเมื่อสถานการณ์มันบังคับ เราทำงานประจำในบริษัทต่างชาติที่ต้องสื่อสารกับเจ้านาย (คนจีน+มาเลเซีย)ผ่านสไกป์ อีเมล เราโกรธตัวเองมากที่สื่อสารไม่ได้ พูดไม่ออก กลายเป็นว่าไม่พูด ไม่สื่อสารกับนายได้มากเท่าที่อยากจะให้เป็น

แต่โชคดี ที่เราเซฟตัวเองด้วยการลงใน Resume ว่า Fair English Skill ที่ได้งานเพราะทำแบบทดสอบตัวตนภาษาอังกฤษ ได้คะแนนดีเลยได้ทำงานที่นี่ หรืออาจจะเพราะ เลขบัตรประชาชนตัวสุดท้าย ลงท้ายด้วยเลข 8 ก็เป็นได้ อิอิ

เมื่อเป็นเช่นนั้น เราไม่ชอบสถานการณ์ที่อยากแสดงความคิดเห็น แต่ทำไม่ได้เพราะกลัวพูดผิด เราจึงตั้งสมมติฐาน หาคำตอบมากมายว่าที่เราเป็นแบบนั้นเพราะอะไร เราเลยวางแผนจะปฎิวัติตัวเอง ไม่รู้ว่าถูกไหม แต่ก็ทำไปแล้ว

1.เราซื้อหนังสือมาอ่าน เพื่อพัฒนาทักษะการเขียน และศึกษาคำศัพท์ทางธุรกิจไปในตัว
คัมภีร์เขียนอังกฤษ ธุรกิจขั้นเทพ ของ Shirley Taylor ปกสีฟ้า ซื้อที่ซีเอ็ด บุ๊ค 375฿ เล่มนี้เด็ด เป็นหนังสือเล่มใหญ่ๆที่อ่านแล้วไม่เบื่อ 

2.ดูเน็ตฟลิกเพื่อซึมซับสำเนียง เรื่องที่ดูง่าย ฟังออก สำเนียงชัด คำศัพท์ไม่ยาก แบบว่าถ้าหันหน้าออกจากจอ ก็พอฟังออกว่าเค้าคุยไรกัน แนะนำเรื่อง Brooklyn Nine-Nine ตลก ขำมากกก ไม่รู้จะหยุดขำยังไง 555

3.โหลดแอพ Tinder และ Azar  อันนี้ไว้คุยวิดีโอคอล และText หาชาวต่างชาติ ต้องคัดสรรนิดนึง แต่เราต้องการสร้างความคุ้นชินกับการเผชิญหน้า และกล้าพูด เมื่อวาน 08/05/2018 เพิ่งคุย เพิ่งกล้าคุยยาวๆกับคนอินโดนีเซีย สำเนียงดีเลยย เวลาฟังไม่รุ้เรื่อง เราก็แค่ Sorry ให้เค้าพูดซ้ำ ใช้เวลาคุยกับต่างชาติทั้งหมด 23นาที+- รู้สึกดี พอคุยจบ คิดในใจว่า เราทำได้ไง ใช้ได้เหมือนกันนะเรา 555

แอพพวกนี้ ถ้าเจอคนหล่อ สำเนียงดี ก็กำไรเน้นๆ อิอิ แล้วถ้าใครอ่อนไหว ต้องรู้จักวิธีปฏิเสธและป้องกันตัวเอง เสี่ยงที่จะเจอคนโป๊ ชอบโชว์ ต้องสตรองนะ

4.ทางเลือกสุดท้าย เพื่อเสริมทักษะ และค้นหาสิ่งใหม่ คือ เราค้นหาคอร์สเรียนภาษาไปเจอ คอร์สนึงน่าสนใจ เราเลยไปวัดระดับ (อันนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเท่านั้น ยังไม่ตัดสินใจ เพราะตังค์ยังไม่มี)

ที่ผ่านมาเรียนภาษาก็จะเรียนกับหนังสือ เรียนกับเจ้าของภาษาก็จริง แต่ก็ไม่ค่อยเวิร์ค เพราะเรียนจบคอร์ส ก็ไม่กล้าพูดอยุ่ดี ไปเจอคอร์สนึง แอบศึกษาสถาบันนี้มามากกว่า 4 เดือน คิดว่าดี แต่ไกลบ้าน(ไม่ไกลมาก แต่น่าจะข้ออ้างมากกว่า) เลยทิ้งเวลามานาน จนวันที่ไฟติด อยากจะเก่งภาษาเลยตัดสินใจไปวัดระดับภาษา ปกติวัดภาษากับกระดาษ แกรมม่าทั่วไป แต่ที่นี่ทำเราอึ้งกับระบบการสอน การวัดระดับภาษาที่นี่ เพราะเราไม่เคยเจอ ค่อยบอกหลังไมค์เพราะไม่ได้มาขายของจ้า

การวัดระดับภาษาคือ เริ่มจากการแนะนำตัว ซึ่งเราชินกับการแนะนำตัวเลยดูคล่อง แต่หลังจากนั้นนั่นแหละ จมมาก
1.วัดแกรมม่า เราได้ 40 เต็ม50 เค้าบอกได้เยอะที่สุดในที่ทุกคนที่เคยเทสมา ยกความดีความชอบให้การฝึกโทอิคครั้งนั้น เเกรมม่าเลยพอได้

2.วัดการฟัง เค้าเปิดเทปให้ฟังทีละประโยค แล้วให้เราบอกมา ว่าได้ยินคำว่าอะไร อันนี้เราเละเทะมาก จับคำได้น้อยมาก คำที่ฟังไม่ออกเช่น Their,her,it

3.วัดการอ่าน อ่านได้ครบ อ่านออกไหม อันนี้ไม่ยาก เหมือนให้อ่านสคริปต์ เสียงที่เราฟังไปก่อนหน้านี้

4.การจับใจความ ฟังและตอบคำถาม อันนี้ตอนฟังเเล้วตอบคำถามสดโดยไม่เห็นสคริปต์ ตอบมั่วเหมือนกัน เพระเสียงไว และตอบคำถามยาวๆไม่ได้

5.การจับใจความ ตอบคำถามจากคลิปเสียงเมื่อกี้ที่ฟัง อ่านสคริปต์ แล้วตอบ อันนี้พอได้อยุ่ เพราะใช้ทักษะอ่าน และแปลของเรา ที่มีต้นทุนดีกว่าทักษะฟัง

[Spoil] คลิกเพื่อซ่อนข้อความสรุป ผลการวัดระดับได้อยุ่ในระดับ B1 Intermediately – Understand main point. เราต้องเรียนระดับนี้เป้าหมายคือ Give reasons and explanations for opinions and plan. ให้เหตุผล อธิบายยาวๆ แสดงความคิดเห็นได้ ประมาณนี้

ถ้าจะให้รีวิวที่นี่บอกได้เลยว่า “แค่ไปเทส ก็รุ้สึกฉลาดมากขึ้นเลยอะ”
*************************************************************************************************************

 

พาร์ท 2 การสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษผ่านสไกป์ / โทรศัพท์ หรืออื่นๆ ลองเอาไปปรับใช้ดูนะ

เอาล่ะ ก่อนอื่นต้องเล่าก่อนว่า จขกท.ได้สมัครทำงานใน Up work เว็ปไซต์ทำงานแบบฟรีแลนซ์ ซึ่งทักษะที่ต้องมีคือ ทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ
ปัญหาคือ จขกท.ทำได้ดีระดับหนึ่งแค่ทักษะการอ่านและการเขียน แต่ไม่เคยคุยและฟังกับต่างชาติยาวๆและนานๆ แต่ในเมื่อต้องทำ เลยให้โอกาสตัวเองซักครั้ง บอกตัวเองว่า “แกต้องลอง ถ้าแกไม่ลองแกก็เสียโอกาส และแกจะอยุ่กับที่ แกจะไม่ได้ไปไหน แกจะไม่มีพัฒนาการ แกจะเด๋อเวลาคนอื่นเค้าคุยกัน แล้วแกเงียบ” เท่านั้นแหละ ไฟลุกเว่อร์

ที่มาที่ไปคือ เริ่มจากการสมัครทำงานฟรีแลนซ์ ในเวปUpwork ทำงานที่บ้าน ที่มีงานให้เราทำต่อชั่วโมง ต่ออะไรก็ว่าไป ที่สมัครเพราะเงินเป็นเหตุผลรอง อยากร่วมงานกับต่างชาติคืออันดับ1

1.กดจิ้มสมัครไป เลือกงานที่เรามีทักษะเด่น ในกรณีของจขกท.จะสมัครในทักษะ Admin support, Make appointment ,Data Entry , Personal / Virtual Assistant Public Relations , Lead Generation , Telemarketing & Telesales and Other – Sales & Marketing อะไรแนวนั้น

2.ทำตามขั้นตอนของเว็ป อันนี้ขอข้ามไป แต่ให้คำปรึกษาได้ในขั้นตอนการสมัคร หลังไมค์มานะคะ ขอข้ามไปถึงขั้นตอนเลือกงาน มีนายจ้างส่งจดหมายเชิญสมัครงานเกี่ยวกับโทรนัดหมายให้ผู้จ้างเข้าพบ ถ้านัดระดับผู้จัดการได้ ก็เพิ่มโบนัสให้ ประมาณนี้ ตกลงนัดสัมภาษณ์ผ่านสไกป์ เจ้าสไกป์นี่ก็เปนปัญหานึงคือไม่รุ้ว่า สไกป์ไอดีอยุ่ตรงไหน แต่ก็ทำได้แล้ว

3.ผู้จ้างนัดสัมภาษณ์5โมงเย็นของวันถัดไป เราตื่นเต้นมาก เพราะกลัวพูดไม่ออก ฟังไม่รุ้เรื่อง แอบมีความคิดประหลาดๆคือ ให้คนที่เก่งภาษาอังกฤษมาคุยแทน แต่เราทำงาน  แต่นั่นมันทำให้เราคิดว่า แล้วเราจะทำแบบนั้นไปทำไมกัน เราเลยตัดสินใจนัดเป็นวันอื่น แต่ผู้ว่าจ้างไม่ว่าง ผลสรุปคือ เลื่อนมาว่าไวขึ้น 4โมงเย็นนั่นเอง
** ก่อนจะสัมภาษณ์ เราย้ำคนจ้างว่า เรายังฟังไม่เก่ง ขอให้พูดช้าๆ** เขาโอเคก็รอเวลาได้เลย

4.เริ่มการวางแผน การถาม-ตอบ คำพูดระหว่างสัมภาษณ์ ที่ผ่านมาเราก็คนชุ่ยคนนึงนะ แต่เรื่องเตรียมตัว กลายเป็นคนละเอียดไปได้ยังไงไม่รุ้ ก่อนคุยเราถามเรื่องทั่วไป ชื่อคนจ้าง เมื่อวานไฟล์ทดีเลย์ไหม อะไรแบบนั้น แล้วค่อยเริ่มแนะนำตัว เราเปลี่ยนจากคนตอบ กลายเป็นคนถาม เพื่อจะได้กำหนดขอบเขตคำตอบที่เตรียมมาได้ ฮ่าาๆ
—————————————————————————————————————————————–
เข้าสู่กระบวนการเตรียมตัวสัมภาษณ์
1.อ่านQualification for job position.
2.เข้าไปอ่าน Website company เอาแค่ทำอะไร ทำมากี่ปี บริษัทของชาติไหน ประมาณนั้น
3.เตรียมประโยคที่เตรียมไว้พูด เผื่อฟังไม่ทัน ฟังไม่ออก ขอให้พูดช้าลง
– 
4.เตรียมบอกเค้าว่าเราเคยทำอะไรมา มีทักษะอะไร ทำงานได้เวลาไหน

5.เอาข้อความที่คุยกัน ข้อมูลงานคร่าวๆในแชท / อีเมลล์ เอาวนกลับมาถามเพื่อต้องการทราบว่าที่คุณพูดมา เราเข้าใจแบบนั้ ถูกต้องไหม

6.ถามความต้องการว่าเค้าต้องการอะไรพิเศษมั้ยย

7.จดคำถาม ที่เราต้องถามผู้จ้าง ในกรณีคิดคำถามไม่ออก

ปล. ตัวอย่างคำถามต่อไปนี้ ควรนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับงาน อันนี้เป็นเพียงหัวข้อการถามคร่าวๆเท่านั้น

คำถามทั่วไป
1.    What kind of business is your company in?
2.    How long has your company been in business?
3.    What is your typical customer like?
4.     What is the best way to contact you?

Questions about Work.
1.    What is most important to you, quality or speed?
2.    How often do you want updates on my progress?
3.    If necessary, would it be okay if I used subcontractors or outsourced parts of the project?

Project Specific Questions
1.    What is the purpose of this project?
2.    Do your customers have any special requirements or needs to be met by this project?
3.    Can you show me an example something like what you have in mind?
4.    Who will be my contact for this project?
5.    How available are you (or the contact) to answer questions during the course of the project?
6.    If necessary, will I have access to (your website/company-specific information/etc.)? (Choose one.)

Work Agreement Questions
1.    What is the budget for this project?
2.    Who will own the intellectual rights to the finished project?
3.    What is the deadline for this project?
4.    How will you be making your payment?
5.    When will you pay?

Follow Up Questions (After a Project)
1.    How do you think the project went?
2.    Do you have any suggestions?
3.    Do you anticipate having any other projects based on this one?
4.    Will this project need to be updated or revised at some point?
5.    If the project needs updating, do you consider the updating or revisions to be a separate project?
6.    Are there any other projects that I can do for you?
************************************************************************************************************
อัพเดตหลังจากสัมภาษณ์เสร็จ พบว่า
1.สำเนียงฟังยาก และเร็ว แต่เราก็จะ Pardon และ ซอรี่บ่อยๆ
2.เราพยายามสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลาย โดยการหลุดหัวเราะตอนเค้าพูดเร็ว เค้าก็หัวเราะตาม (ดูบุคลิคผู้จ้างก่อนไปหัวเราะ ของเราดูแล้วว่าหัวเราะได้)
3.คุยรุ้เรื่องว่ะเฮ้ยย จับใจความได้
4.ไปด้วยกันได้ดี รอคุยเรื่องค่าตอบแทน(ฺBudget) ต่อไป

 

หลังจากปลดล็อคการคุยกับต่างชาติได้แล้ว เราค้นพบว่าปัจจัยที่เราพูดไม่ได้คือ
1.ความกลัว และความไม่มั่นใจ
2.บรรยากาศ เราต้องอยุ่ในห้องเงียบๆถึงกล้าพูด
3.สมาธิ อย่าวอกแวก จดจ่อกับตรงหน้า
4.การเตรียมตัว ต้องพร้อม

 

พระเจ้าชั้นพิมพ์มาได้ยังไง 9904 ตัวอักษร
ลากันไปด้วยคำที่ว่า “To Be the Game Changer”
ยังไงจขกท.จะฝึกฝนและเติมเต็มต่อไปค่ะ

 

ที่มา สมาชิกผู้ใช้พันทิพ คุณ cristy733

 

ติดต่อได้ที่ :

โทร 064-23456-33
ติดต่อ Line ID : @indigital (มีนะคะ)
คลิกเพื่อ ADD Line : https://line.me/R/ti/p/%40indigital
Fanpage : INdigital การตลาดออนไลน์
คลิก https://www.facebook.com/indigital.co.th/
เว็บไซต์ : www.indigital.co.th

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *